2014-05-25 09:45:09 ใน Manchester United » 0 1487

สวัสดีครับ

เมื่อชาวมืดๆวันนี้ก็ได้ดูคู่ชิงฟุตบอลยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกส์ของปีนี้ที่เป็น
ทีมที่มาจากเมืองเดียวกันคือ Real Madrid และ Ataleco Madrid
บอกได้ว่าเป็นคู่ชิงที่ดีมาก ดูสนุก ลุ้นกันตลอดเกมส์ ชัยชนะก็เป็นของ
Real Madrid ทีมที่ผมเชียร์เพราะมีนักเตะที่ผมชื่นชมอยู่หลายคนและ
ที่แน่ๆคือ Chritiano Ronaldo ก็ชอบตั้งแต่อยู่ Man United แล้วครับ และ
ก็มีนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง Bale ที่ลูกโหม่งที่เขาทำได้นั้น
สุดยอดครับ   Real Madrid ชนะได้นั้นก็มีฝีมืออยู่มากๆแต่ได้โชคช่วยไป
เต็มๆที่สามารถตีเสมอ 1-1 ได้ในช่วงทดเวลาเจ็บ และ ยิงได้อีก 3 ลูก
ในช่วงต่อเวลา 4-1เป็นอะไรที่ดูเหมือนขาดลอย แต่ เป็นชัยชนะที่ได้มา
ด้วยความยากลำบาก  ผมไม่ได้เป็นแฟนของ Ataleco เลยนักเตะก็ไม่ค่อย
รู้จักเท่าไรนักนอกจากดาวิด บีย่า จากทีมชาติ  แต่ต้องขอชมเชยว่าทีมนี้
เยี่ยมมากๆ ที่เป็นเเชมป์ ลาลีก้าสเปนได้สมควรแล้วครับ บอลคู่นี้ผมดูแล้ว
ได้แง่คิดหลายๆอย่างในการเลี้ยงนก บริหารนก สำหรับตัวผมเอง ก็เอาว่า
จะเขียนว่าเป็นเรื่องอะไรที่ผมคิดของผมเอง ก็อาจจะเป็นแง่คิดดีๆ แบ่งปันกัน
สำหรับบางท่านได้ ก็จะเขียนในเร็วๆนี้ครับ


มาเข้าเรื่องทีมรักทีมโปรดในดวงใจครับ ก็เป็นไปตามคาดในที่สุดผู้จัดการทีม
คนใหม่ก็เป็น "หลุยส์ ฟาน กัล" ความหวังใหม่ของพลพรรคRed Army
ชื่อชั้นนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะแก่ประสบการณ์ มากด้วยความสำเร็จ อาวุโสถึง
ความเก๋ามีมากเกินพอ บอร์ดบริหารคงไม่รอนานไปกว่านี้เพราะเดี๋ยวแห้ว
แล้วจะหนาว  

ผมว่าการที่ Man U ได้ หลุยส์ ฟาน กัล มาในช่วงนี้เหมาะสมแล้วละครับ  
ช้ากว่านี้เดี๋ยวจะทำงานยาก เพราะไหนจะงานทีมชาติของเขาที่กำลังจะเริ่ม
ในเดือนมิถุนายน ซึ่งถ้าช้าแกก็ไม่มีเวลาคิด คุย เรื่องอื่นแน่ ยิ่งทีมฮอลแลนด์
เข้ารอบลึกๆไปเรื่อยๆ

การตัดสินใจเร็วนั้นเป็นเรื่องดีเพราะทำให้มีเวลาพอสำหรับวางทีมงาน 
การวางแผน  การวิเคราะห์นักเตะปัจจุบัน จุดอ่อน และ ที่สำคัญการมองหา
นักเตะ งบประมาณที่จะให้ฟาน กัล ในการช็อปปิ้ง เพื่อสร้างทีมในฝันของ
ตนเอง การเรียกขวัญและกำลังใจนอกจากนักเตะ สโมสร ผู้ถือหุ้น สปอนเซอร์
และ แฟนๆผีทั่วโลกเป็นเรื่องใหญ่ครับ  

หลายคนก็อยากเห็นกิกส์คุมที่ชุดใหญ่ในปีต่อไป ผมว่ายังอ่อนประสบการณ์
ใช้เวลาอีกหลายๆปีเป็นผู้ช่วยของผู้จัดการทีมผีแดงสักหลายๆปีสั่งสมวิชา หาแนวทางของตนเอง เรียนรู้จักตนเองในฐานะโค็ช และ เรียนรู้ถึงการเป็น
ผู้จัดการทีมใหญ่ๆให้มั่นคงก่อนจะดีกว่า แล้วเราจะได้เห็นกิกส์ในรูปแบบของผู้จัดการทีมที่ดีได้แน่ ไม่อยากให้เป็นแบบ รอย คีน, สตีฟ บรูซ, ไบรอัน รอบสัน
และ มาร์ค ฮิวส์ ที่เส้นทางยังไม่สวย  สำหรับโซลชายังไม่อยากวิจารณ์นัก
เพราะเขาโค็ชทีมแมนยูชุดเล็กที่ดีมากๆ และ ในบ้านเกิดก็สร้างผมงานที่ดี
พอกลับมา Premier League ไม่รู้คิดไงไปคุม คาดิฟ เพื่อให้หนีตกชั้นซึ่ง
มันยากและมีโอกาสเสียเครดิตตัวเองเปล่าๆ  การได้กิกส์เป็นผู้ช่วยนอกจาก
กิกส์จะได้ประโยชน์จากการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแล้ว ทีมผีแดงของเราก็ได้
ประโยชน์จากเขาแน่ๆ อย่าลืมนะครับความสำเร็จสารพัดที่ท่านเซอร์ได้มา
กิกส์ก็เป็นนักเตะคู่บุญร่วมสร้างมาทั้งนั้นครับ ประสบการณ์ที่เขาสั่งสมในฐานะ
นักเตะที่ดีนั้นสามารถมาพัฒนารุ่นน้องๆนักเตะใหม่ๆได้ และ ที่สำคัญเขารู้จัก
สโมสรของเขาดีมากๆ ทางหนีทีไล่ หญ้าทุกเส้นในสนามรู้จักหมดก็ว่าได้



เรามาดูประวัติของ ฟาน กัล กันครัล

หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือผีแดงคนใหม่ The New Hope 

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Manchester United

          หลุยส์ ฟาน กัล (Louis Van Gaal) หัวหน้าโค้ชทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้จัดการ
ทีมสโมสร Manchester United แทนเดวิด มอยส์ (David Moyes) กุนซือเก่า

          หลังจากทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ซึ่งมีผลงานตกต่ำ
ที่สุดในรอบหลายปี ได้ปลดเดวิด มอยส์ ออกจากตำแหน่งไปเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา 
ทำให้บรรดาบอร์ดบริหารผีแดงต้องมองหานายใหญ่คนใหม่ที่จะมาทำทีมอีกครั้ง และเมื่อ
วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ที่สร้าง
ความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรบาร์เซโลน่าและบาเยิร์น มิวนิคมา ก็ตกลงที่จะเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่
ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว เซ็นสัญญาด้วยกัน 3 ปี พร้อมมีไรอัน กิ๊กส์ ตำนานสโมสรมา
เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ฉะนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมก็ขอนำเสนอประวัติของกุนซือป้ายแดงผู้นี้
ให้แฟนผีได้รับทราบกันครับ

          หลุยส์ ฟาน กัล เกิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 1951 ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
โดยฟาน กัลเริ่มต้นรู้จักฟุตบอลตั้งแต่ระดับเป็นนักฟุตบอลระดับเยาวชน และขยับมาเล่นระดับกึ่ง
อาชีพในตำแหน่งกองกลางให้กับสโมสรในลีกของเนเธอร์แลนด์มากมายตั้งแต่ปี 1972 พร้อม ๆ
กับทำอาชีพครูสอนยิมนาสติกในโรงเรียนไปด้วย จากนั้นในปี 1986 เขาก็ผันตัวมาเป็น
ผู้ช่วยผู้จัดการทีมให้กับอาแซด อัลค์มาร์ (AZ Alkmaar) สโมสรอันดับต้น ๆ ของลีกเนเธอร์แลนด์
พร้อมกับการเป็นนักเตะในทีม อีก 2 ปีต่อมาเขาก็ย้ายไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมในสโมสร
อาแจ็กซ์ (Ajax) ทีมชั้นนำอีกทีมหนึ่งของลีก
 

 

          ฟาน กัล กลายมาเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัวในปี 1991 ให้กับอาแจ๊กซ์ โดยพาทีมคว้า
แชมป์ลีกถึง 3 ครั้ง ในปี 1994, 1995 และ 1996 และพาทีมคว้าแชมป์ KNBV Cup ในปี 1993
รวมทั้งถ้วยระดับยุโรปไม่ว่าจะเป็น UEFA Cup ปี 1992 UEFA Super Cup ปี 1995 และ 1998
และยังปั้นนักเตะชาวดัตช์ในทีมมากมายทั้ง แพทริค ไคล์เวิร์ต, มาร์ก โอเวอร์มาร์ส,
เดนนิส เบิร์กแคมป์, แฟรงก์ เดอ บัวร์, เอ็ดการ์ ดาวิด, เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ และคนอื่น ๆ อีกมาก
และด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมนี้ ก็ส่งผลให้เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในปี 1997 ด้วย

          ความสำเร็จในบ้านเกิดทำให้เขามีโอกาสได้คุมหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง
บาร์เซโลน่าในปี 1997 ซึ่งก็ไม่ทำให้ชาวคาตาลันผิดหวังด้วยการคว้าแชมป์ลาลีกา 2 สมัย
ในฤดูกาล1997-1998 และ 1998-1999 รวมทั้งถ้วยโคปา เดล เรย์ แต่เนื่องจากเขาต้องเผชิญ
ความกดดันจากสื่อเป็นอย่างมากรวมทั้งมีปัญหากับนักเตะ ก่อนที่จะออกจากบาร์เซโลน่าในปี 2000

          หลังจากนั้นเขาได้โอกาสคุมทีมชาติเป็นครั้งแรก ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบ
คัดเลือกโซนยุโรป แต่กลับทำผลงานย่ำแย่ตกลงไปอยู่ที่ 3 ของกลุ่มทำให้หมดสิทธิ์เข้ารอบ
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2002 ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีม
ตอนต้นปี 2002 โดยในช่วงนี้ผู้สังเกตการณ์หลายคนเริ่มมองว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดตำแหน่ง
นายใหญ่ของผีแดงต่อจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเผยกำหนดการวางมือในช่วงนั้นพอดี

          แม้จะพลาดทำทีมชาติตกรอบแต่เขาก็ได้กลับไปสานต่องานที่สโมสรบาร์เซโลน่าอีกครั้ง
ในปี 2002 แต่ด้วยผลงานชนะเพียง 4 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง และแพ้ถึง 3 ครั้ง ทำให้เขากระเด็นออก
จากตำแหน่งกุนซืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลับไปยังอาแจ็กซ์ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเทคนิคแต่ก็ต้อง
จากไปรวดเร็วเช่นกันด้วยปัญหาภายใน

          ในปี 2005 ฟาน กัล กลับไปคุมบังเหียนของอาแซด อัลค์มาร์อีกครั้ง โดยพาทีมก้าวสู่อันดับ 2
ในฤดูกาล 2005-2006 และอันดับที่ 3 ในฤดูกาล 2006-2007 พ่วงด้วยแชมป์ KNVB Cup ประจำปี
2006-2007 แต่ในปี 2007-2008 พวกเขาก็หล่นวูบลงมาในอันดับที่ 11 แต่ยังคงทำทีมต่อไปได้
ด้วยความศรัทธาจากนักเตะในทีม และในปี 2008-2009 ฟาน กัล นำทีมอาแซด อัลค์มาร์คว้า
แชมป์ลีกสูงสุด ด้วยสถิติอันยอดเยี่ยม โดยแพ้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น
 

 

          หลังจากทำผลงานยอดเยี่ยมในเนเธอร์แลนด์ ฟาน กัลก็ก้าวเข้าสู่ลีคฟุตบอลเยอรมนี
โดยการเป็นกุนซือให้กับเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ที่เขาเอ่ยว่านี่คือสโมสรในฝันสำหรับเขา ฟาน กัล
ได้จัดระเบียบทีมใหม่หลังจากยุคเจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ด้วยการนำอาร์เยน ร็อบเบนสู่ถิ่นเสือใต้
รวมทั้งดึงผู้เล่นระดับเยาวชนขึ้นสู่ทีมใหญ่อย่างโธมัส มุลเลอร์ ซึ่งเรียกฟอร์มเก่งยกทีมพากัน
คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2009-2010 ได้ รวมถึงแชมป์ Super Cup ในปี 2010 ได้ด้วย
ส่วนผลงานฟุตบอลยุโรป ฟาน กัล นำเสือใต้ทะลุถึงรอบชิงแต่แพ้ให้กับอินเตอร์ มิลานที่ฟอร์ม
ร้อนแรงคว้า 3 แชมป์ใหญ่ในปีนั้น

          อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวออกจากบาเยิร์น มิวนิคในปี 2011 หลังจากจบฤดูกาลด้วยการคว้า
ที่ 3 จนในปี 2012 เขาก็กลับมารับหน้าที่ดูแลทีมชาติเนเธอร์แลนด์อีกครั้งร่วมกับแดนนี่ ไบลด์
และแพทริค ไคล์เวิร์ต โดยทำผลงานยอดเยี่ยมในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรป
ด้วยการชนะถึง 9 นัด เสมอ 1 นัด จากการแข่งขันทั้งหมด 10 นัด จนทีมทะลุเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย
ที่ประเทศบราซิล

          ทั้งหมดนี้คือประวัติของยอดกุนซือที่แฟน ๆ เร้ดอาร์มี่คาดหวังว่า จะทำให้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งเราคงต้องคอยติดตามกันต่อไปว่า
ผลงานของฟาน กัลหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป