JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0

The Best of Ad Schaerlaeckens Vol.2 ตอนที่ 3 โดดเดี่ยวเดียวดาย

2013-03-01 20:09:32 ใน บทความจากหนังสือ » 0 7290 The Best of Ad Schaerlaeckens Volume 2
ตอนที่ 3 Alone in the world โดดเดี่ยวเดียวดาย



สวัสดีครับ Konichiwa สวัสดีจากกรุงโตเกียวครับ หลังจากจบงานเลี้ยงของส่งเสริมฯเราซึ่งได้รับการตอบรับจากเพื่อนๆที่มาร่วมงานกันมาก  ขอบคุณมากๆครับ    จบงานก็ก็รีบมาประชุมงานบริษัทผมต่อที่กรุงโตเกียว ก็มา 1 อาทิตย์ครับ  อากาศหนาวมากช่วงนี้ ผมชอบหน้าหนาวครับ เคยเผชิญอากาศหนาวแบบนี้มาหลายปีตอนที่อยู่ยุโรปก็เลยเหมือนกับคิดถึง  มาประชุมที่ญี่ปุ่นทีไร ติดใจทุกทีกับการต้อนรับ อัธยาศัยที่ดีมากๆของคนที่นี่ มาคราวนี้เพื่อนที่นี่ต้อนรับดีมากๆ นอกจากงานแล้วยังได้มีโอกาสทัวร์หลายที่ในกรุงโตเกียว ก็เหมือนกับได้พักผ่อนบ้าง
 
ก็ต้องขอโทษที่ไม่ได้เขียนมาตอนต่อก็คือตอนที่ 3 นี้มานานพอควร มันก็มีเหตุผลครับเพราะยุ่งกับการจัดงานเลี้ยงส่งเสริมของพวกเรา และ งานของตนเอง 

ตอนที่ 3 นี้ชื่อตอนดูแล้วก็หดหู่เหมือนกันแต่เป็นตอนที่ดีและมีความหมายกับเรามากๆ อย่าพลาดนะครับ การเลี้ยงนกเป็นเรื่องดี แต่มีอะไรที่สำคัญมากกว่าสำหรับชีวิตที่เราควรอ่านจากเรื่องนี้ครับ

นายแอ๊ดเล่าถึงคนๆหนึ่งที่เขาอยากพบมากๆก็ตามหาเขาจนเจอ เขาชื่อ Mr.Guy van Ostade นักเลี้ยงนกที่เก่งและดังมากๆเป็นประวัติศาสตร์ของฮอลแลนด์ในยุคหนึ่ง  สถานที่ที่เจอก็เป็นสถานที่ๆเก่าโทรมๆ และ Guyเองก็ดูโทรมมาก สายตาที่เลื่อนลอย หน้าซีด หนวดเคราก็ไม่ได้โกนมานาน  จนนายแอ๊ดถามว่า
“คุณคือ Mr.van Ostade ใช่ไหมครับ?”



Guy มองแล้วก็ตอบแบบถามกลับว่า
“ใช่ และคุณก็คงเป็นนักข่าวอีกละซิ ได้โปรดงดการถามและถ่ายรูปด้วย” 

นายแอ๊ดนั้นมองดูชายคนนี้แล้วถึงกับถามตนเองว่านายคนนี้นะหรือที่จุดแข่งระดับชาติ Bourgesที่ทุกคู่แข่งกระจุย และ ชัยชนะอีกนับไม่ถ้วยในจุด Orleans ซึ่งเมื่อมองนายคนนี้แล้ว เงาก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นเขา   ซึ่งนายแอ๊ดก็ถามตรงๆเลยว่า
“คุณดูไม่มีความสุข คุณมีชีวิต และ ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอดเหรอ?”

ซึ่งคำตอบนั้นน่าสนใจจาก Guy ที่ว่า
“ ผมเคยมีความสุขที่สุขที่สุดในโลก นั่นก็คือการที่เวลาใช้เวลากับครอบครัวเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน เล่นกับลูกๆ  มีเพื่อนมากมาย และ มีสวนดอกไม้ที่สวยงาม” 

นายแอ๊ดฟังแล้วก็งง ก็ถามว่า
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ มันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ หรือว่าเจ็บป่วยหรือเปล่า?”

ซึ่งGuyเองก็ตอบทันทีว่า
“ ไม่ใช่ มันเริ่มจากผมเริ่มเลี้ยงนกนี่ละ  ผมเลี้ยงนกได้ 5 ปีชีวิตก็เริ่มเปลี่ยน ผมเริ่มแข่งเก่งมีผลแข่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ  จากนั้นก็มีคนมาซื้อนกและเขาก็ขายดีมากๆ และผมเองก็ต้องการเป็นแชมป์ และ ก็ทำทุกอย่างเพื่อจะเป็นแชมป์”

จนนายแอ๊ดก็แทรกว่า
“ความสำเร็จของคุณในการแข่งนกนั้นยอดเยี่ยมมาก ไม่ใช่เหรอ?”

ซึ่งนายGuyเองกระดกแก้วเหล้ายีนก็ตอบว่า
“ ตอนแรกมันก็ใช่นะ ผมมีความสุขและภูมิใจกับผลงาน กับข่าวสารที่ลงช่วงแรกนั้นมันเยี่ยมและเร็วมาก ผลงานผมมันก็ดีขึ้นแบบต่อเนื่อง ข่าวสารก็มากขึ้นตาม ชื่อเสียงก็มีมากขึ้นไปทั่วประเทศ และ นั่นละปัญหา คนต่างชาติ และ นักข่าวก็แวะมาเยี่ยมมาก จนคนแถวหมู่บ้านไม่มีใครที่ไม่เคยชี้ทางมาบ้านผมก็ว่าได้

ผมเองก็เริ่มหลงไหลในชื่อเสียง เริ่มยโสทะนงตัว เรียนรู้สิ่งที่ผิดก็คือเปลี่ยนแปลงตนเองจากเดิม เริ่มเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว แว่นตาหรูๆ มีกำไลเหรดข้อมือทอง เปลี่ยนแม้แต่ After Shave ใส่เยลใส่ผม ฯลฯ  กลางวันก็เลี้ยงนก กลางคืนก็เข้าคู่นก เปลี่ยนย้ายไข่ คัดและผสมอาหารนก ดังนั้นงานสวน หรือ เวลาให้กับครอบครัวก็ไม่มี  ไม่มีการหยุดเลี้ยงนก

จนผมตระหนักได้ว่า มนุษย์นั้นเป็นอย่างไร คนที่เคยชื่นชมผลงานผมช่วงแรกๆนั้นต่อมาก็เริ่มเหยีบย่ำเริ่มกระทืบ ตอนเริ่มเลี้ยงใหม่ๆนั้นผมเลี้ยงนกไม่กี่ตัว ส่งแข่งก็ไม่กี่ตัว และ เล่นกุ๊หนัก ชนะก็เพราะนกน้อยนี่ละ ลองส่งนกจำนวนมากขึ้นซิ ซึ่งต่อมาผมก็เลี้ยงมากขึ้น ส่งมากขึ้น และ ก็ชนะเหมือนเดิม คนพวกนี้ก็บอกว่าที่ชนะก็เพราะนกมากได้เปรียบกว่า ลองเลี้ยงน้อยดูซิ (ก็ไอ้คนกลุ่มเดิมนี่ละพูด) บ้างก็ว่าผมให้อะไรบางอย่างกับนกมันถึงเก่ง บ้างก็ว่าผมโกงนาฬิกา กรงตั้งอยู่ในทำเลที่ได้เปรียบ ไม่มีใครตระหนักบ้างเลยว่าผมนะมี “นกดี” ไม่มีใครคิดเลยหรือว่าผมสละเวลา ทุ่มเทมากขนาดไหน? คุณรู้ไหมว่า ต้นไม้นะยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งโดนลมมากกว่า” 

นายแอ็ดได้ฟังก็อึ่งและก็ถามว่า แล้ว ภรรยาและลูกๆคุณละสนับสนุนคุณหรือเปล่าในช่วงที่คนอื่นเริ่มทิ้งคุณ?”   

Guy ก็เริ่มพูดต่อ “ ลูกๆผมเหรอ ใหม่ๆก็เริ่มเกลียดนกพิราบ ต่อมาก็คนเลี้ยงนก และ ที่สุดก็เกลียดผมซึ่งเป็นพ่อของพวกเขา ภรรยาผมไม่เคยกลับมาเลยหลังจากที่บอกว่าจะออกไปซื้อบุหรี่ข้างนอก  ส่วนภรรยาคนที่สองผมต้องส่งเธอขึ้นรถไฟกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ” 

นายแอ๊ดนิ่งกับคำตอบและก็บอกกลับว่า”นั่นทำให้คุณนั่งอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”

“ใช่คือคำตอบ ผมนั่งที่นี่ตรงนี้ เพื่อฟื้นฟูจากการเสพติดจากชื่อเสียง และ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมัน”

และ นั่นก็เป็นอะไรที่นายแอ๊ดเข้าใจดี เขาจับมือ มองเขาเป็นครั้งสุดท้าย และ พอหันกลับมาดูเหมือนกับว่าเขาลืมอะไรที่ได้คุยกันแถมยังกระดกเหล้ายีนต่อ

ยังมีตอนจบ อีกตอนครับว่าเรื่องนี้มันสอนอะไรเราหรือเปล่า....

 

 
Copyright © 2024 www.francisloft.com All right reserved.