JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0

The Best of Ad Schaerlaeckens Volume 2 ตอนที่ 3 ตอนจบของโดดเดี่ยว เดี่ยวดาย

2013-03-08 10:32:26 ใน บทความจากหนังสือ » 0 1988 The Best of Ad Schaerlaeckens Volume 2
ตอนที่ 3 Alone in the world โดดเดี่ยวเดียวดาย ตอนที่ 2

ฉบับที่แล้วผมได้พูดถึงเรื่องที่นายแอ๊ดพยายามหานักเลี้ยงนกที่เก่งมากคนหนึ่งของฮอลแลนด์ชื่อ Mr.Guy van Ostade ซึ่งหลังจากที่ได้เจอก็ช็อคอยู่เหมือนกันที่สภาพของคนที่เขาอยากเจอทำไมถึงโทรม ปล่อยตัว ติดเหล้า และ ที่สำคัญเป็นคนที่ดูแล้วเขาไม่มีความสุขเอาเสียเลย นาย Guy ก็บอกถึงเหตุผลก็โทษว่าเพราะตนเองนั้นเลี้ยงนกนี่แหละทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป การประพฤติตนที่ผิดไปทำให้สภาพครอบครัว สังคม นั้นล้มเหลว เรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่น่าคิดนะ เรามาดูกันว่า ตอนจบนั้นมีอะไรที่น่าคิด และ ให้แง่คิดอะไรได้บ้างไหม



 
The Moral of the Story
  เรื่องนี้มันสอนอะไรละ
คุณสามารถเลี้ยงดู รักนกได้ในหลากหลายรูปแบบ แต่บางคนเลือกในทางที่ผิด ความหลงไหลในชื่อเสียงทำให้คนเหมือนเสพติดได้ และ ทำได้ทุกอย่าง นายแอ๊ดบอกว่าเขาเห็นครอบครัวหลายครอบครัวมีปัญหาเพราะการเลี้ยงนก  ถ้าคนเลี้ยงนกใส่ใจ ทำความเข้าใจกับครอบครัวแบ่งเวลาให้ถูก คิดให้เป็น เชื่อได้ว่าครอบครัวก็จะเห็นและสนับสนุน สนุกร่วมกันกับงานอดิเรกนี้ได้

นายแอ๊ดเองก็เล่าว่าเขาเคยนะที่เวลานกนั้นผลการแข่งขันไม่ดี เขาก็หงุดหงิด อารมณ์เสีย แต่ ครั้นเมื่อเขามองไปที่สายตาของลูกของเขาทำให้เขาคิดได้และไม่เคยลืมสายตาของลูกที่มองเขาตอนนั้นเลย มันทำให้เขาคิดได้ว่ากีฬาแข่งนกนั้นไม่ใช่อะไรที่สำคัญที่สุดเลย 

ก็ขอเติมอะไรหน่อยครับ ผมเองชอบตอนนี้มากๆ อ่านทีไรก็เตือนตนเองอยู่เสมอ ผมเคยใช้เวลากับนกแข่งมากจนละเลยครอบครัวเหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันผ่านไปแล้วครับ มันเลยจุดนั้นไปแล้ว แพ้ชนะเป็นอะไรที่ผมรับได้ เพราะปัจจัยต่างๆของชัยชนะในการแข่งนกสมัยนี้มันมาก Gap ช่องว่างระหว่าง “ชัยชนะ” กับ “แพ้” มันเริ่มมีระยะที่ห่างถ่างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งผมเองก็เตือนตนเองอยู่เสมอ และ ก็คิดอยู่หลายๆครั้งว่าเราจะเลิกเลี้ยงนกเมื่อไร ใจก็เคยคิดว่าอีกสัก 2 ปีก็น่าจะดี จะได้มีเวลาทำอย่างอื่นบ้าง มีแรงทำอย่างอื่นได้ มีอะไรหลายอย่างที่อยากจะทำก็ยังไม่ได้ทำ ก็เป็นแค่ความคิดที่ผ่านมา แต่ก็ยังคิดอยู่นะ เร็วๆนี้ก็บอกเพื่อนหลายคนเหมือนกันครับ

การแข่งขันนกสมัยนี้มีปัจจัยเติมแต่งมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสมัยก่อนนั้น “สายพันธุ์” ก็เรื่องหนึ่งซึ่งเรามักจะเห็นกรงใหญ่ที่มีการสั่งนกนอกนกดีๆมาก็มีโอกาสชนะมาก การเลี้ยงดูสมัยก่อนนั้นมีช่องว่างห่างพอควรเพราะจำนวนมากเลี้ยงแบบใจรัก รักจะเลี้ยง ไม่ได้คิดเรื่องแพ้ชนะแบบซีเรียสมาก ดังนั้นรายละเอียดของเรื่องที่จะทำให้ชนะนั้นก็ตกผลึกอยู่กับคนที่เลี้ยงดีกว่า มีนกที่ดีกว่า

ทำเลที่ตั้งเมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดกันมาก ส่วนใหญ่ก็อยู่กันที่ฝั่งกรุงเทพฯแถวบน วงเวียน22 สะพานเหลือง ยาวลงมาถึงตรอกจันทร์ ก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องลมอะไรกันมาก จนเมืองมันขยายคนก็เริ่มมีการโยกย้าย ชัยชนะเริ่มเปลี่ยนไปทางตะวันตกมากก็ย้ายตามกันไป ฝูงนกก็เลยมากตาม  

สมัยก่อนนั้นเลี้ยงกันเองเป็นส่วนใหญ่ สมัยนี้เมื่อมีเรื่องของห่วง และ กุ๊กันมาก ก็มีการจ้างคนเลี้ยง คนเลี้ยงนั้นก็มีฝีมือกันมากน้อยก็แล้วแต่ ดังนั้นชัยชนะก็เกิดจากการที่มีคนเลี้ยง มีเวลา มีฝีมือเป็นปัจจัยกันขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดก็ต้องมาตกผลึกกันที่ “เงินทุน” ว่าใครมีและอยากที่จะใช้เงินกับเรื่องเหล่านี้

อย่าลืมนะครับว่า “เงิน” เป็นปัจจัยที่สำคัญของคนในการดำรงชีวิต คนมีเงินมากน้อยต่างกัน มีภาระมากน้อยต่างกัน และ ก็อยู่ที่ใจว่าจะใช้เงินเพื่อนกพิราบแข่งนั้นก็ต่างกัน มีเงินอาจจะไม่ใช้กับเรื่องนกมากก็เป็นไปได้ มีน้อยอาจจะใช้มากกว่าก็เป็นไปได้เพราะคนเรานั้นมีความคิดต่างกัน มีการเล็งเป้าหมายนั้นต่างกัน เลือกที่จะมีความสุขนั้นต่างกันก็เป็นไปได้  การใช้เงินสร้างรากฐานนกพันธุ์ดีๆเข้ามาทำพันธุ์ การสร้างกรงนกดี นกอยู่สบายๆ คนเลี้ยงนกดีๆ ก็เป็นอะไรที่ผมบอกไว้ข้างต้นว่ามีโอกาสทำให้ช่องว่างของชัยชนะกับแพ้นั้นห่างออกจากกันได้  แต่กลับกันมันก็เป็นเหมือนกับดาบสองคมที่ถ้าใช้เงินมากแล้วผลงานไม่ดี ดูไม่จืดเหมือนกันนะ




สำหรับวันนี้ก็ขอจบและลาก่อนครับ ฉบับหน้ามีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจมากๆมาแบ่งปันครับ... สวัสดีครับพี่น้องชาวไทย ...ก็ขอใช้คำสัญญลักษณ์ของคุณวู๊ดดี้มาบอกลากันครับ.......

 
Copyright © 2024 www.francisloft.com All right reserved.