JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0

Movie : บทที่ 2 The Talented Mr. Ripley

2012-09-10 14:22:05 ใน สรรสาระ » 0 3735
The Talented Mr. Ripley

     หนังเรื่องแรกที่นำมาลง ก็เป็นหนังที่ผมชอบมากๆ เรื่องหนึ่ง ผมไม่ได้เรียงอันดับนะว่าเป็นอันดับหนึ่งเพราะมันมีหนังดีมากๆ ในโลกนี้หลายๆ เรื่อง หลายๆ ประเภท หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเคยดูตอนอยู่เยอรมัน และ ก็ซื้อมาดูอีกหลายครั้งเมื่อคิดถึง เป็นหนังที่สะท้อนนิสัย สันดานดิบของคนได้ดี ความอยากที่จะไคว่คว้าไปให้ถึงสิ่งที่ตนเองฝัน อยากมีชีวิตที่สบาย เป็นที่ยอมรับ โชว์ออฟ  จนทำอะไรที่ผิดมากๆ ได้ หนังเรื่องนี้นอกจากจะดีให้ความรู้สึกที่เข้าใจถึงคนได้ในอีกมุมหนึ่ง ก็คล้ายๆ กับเจ้า Joker ที่แสดงได้ดีมากๆ โดย Heath Ledger ใน Batman “ The Dark Knight “ นั่นก็ดิบมากๆ

     โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เป็นสัตว์สังคม หมายความว่ามนุษย์อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ ต้องอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะหรือที่เราเรียกว่า “สังคม” และการที่ใครสักคนจะเข้ามาเป็นสมาชิกของสังคมก็ย่อมต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่สังคมวางไว้ The Talented Mr. Ripley ก็เป็นเรื่องของชายคนหนึ่งที่พยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่เขาต้องการ


     หนังเรื่องนี้เข้าฉายในบ้านเราไปเมื่อปี 1999 เป็นหนังฟอร์มดีเรื่องหนึ่งเพราะนำแสดงโดยดาราขวัญใจวัยรุ่นอย่าง แมตต์ เดม่อน และ กวิเน็ธ พัลโทรล์ อีกทั้งกำกับการแสดงโดย แอนโทนี มิงเกลล่า (เจ้าของรางวัล OSCAR จาก The English Patiant)

     หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของทอม ริปลี่ย์ (แมตต์ เดม่อน) เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ฉลาดเฉลียว รสนิยมดีเลิศ แต่มีปมด้อยตรงมีฐานะไม่ค่อยจะดีนัก เขามีความสามารถพิเศษในการเลียนแบบเสียงพูดและท่าทางของคนอื่น ริปลี่ย์ได้รับการว่าจ้างจากมหาเศรษฐีคนหนึ่งให้ไปตามตัวลูกชายของเขา ดิกกี้ กรีนลีฟ (จู้ด ลอว์) ซึ่งหนีไปใช้ชีวิตท่องเทื่ยวอยู่ที่อิตาลีกับแฟนสาว มาร์จ เชอร์วู้ด (กวิเน็ธ พัลโทรล์) ไม่ยอมกลับมาช่วยบริหารกิจการของครอบครัว เมื่อริปลี่ย์ได้พบกับดิกกี้เขาก็พยายามตีสนิทเป็นเพื่อนด้วยเพราะเป็นโอกาสที่เขาจะได้ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างที่ใฝ่ฝันมานาน ต่อมาดิกกี้เริ่มรู้สึกว่าริปลี่ย์เข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตของเขามากเกินไปและต้องการไล่ริปลี่ย์ไป จนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน สุดท้ายริปลี่ย์เกิดพลั้งมือฆ่าดิกกี้ตาย ริปลี่ย์เอาศพไปถ่วงน้ำ แล้วสร้างสถานการณ์ขึ้นโดยบอกกับมาร์จว่าดิกกี้เดินทางไปเทื่ยวต่างประเทศ ส่วนตัวริปลี่ย์เองก็หลบไปใช้ชีวิตอยู่อีกเมืองหนึ่งโดยแสดงตัวว่าเป็นดิกกี้

     แต่ว่าการใช้ชีวิตของริปลี่ย์ภายใต้สถานะภาพของดิกกี้นั้นก็ใช่ว่าจะราบรื่น เพราะว่าเขาต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากทั้งจากเพื่อนของดิกกี้ที่เกิดสงสัยในเรื่องราวที่เขาสร้างขึ้น และ จากพ่อของดิกกี้ที่เกิดสงสัยว่าทำไมดิกกี้ไม่ยอมกลับบ้านซักที มีเพียงจดหมายที่ส่งมาให้ (ซึ่งเขียนโดยริปลี่ย์) แต่ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในสภาวะคับขันเพียงไร ริปลี่ย์ก็อาศัย สติปัญญา หาทางออกให้กับตัวเองได้เสมอ ริปลี่ย์ยอมทำทุกทางเพื่อจะรักษาสถานะความเป็นดิกกี้เอาไว้ ไม่เว้นแม้กระทั่งการลงมือฆ่าเพื่อนของดิกกี้ซึ่งได้รู้ว่าเขาปลอมตัวเป็นดิกกี้ !

     หนังเรื่องนี้นอกจากหนังแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ก็ยอดเยี่ยม เป็น Jazz ที่ดี ฟังไม่ยากครับ ลองฟังเพลงที่ Matt Damon ร้อง My Funny Valentine แล้วเศร้าดี และ เพลงสนุกอย่าง Americano ที่ Jude Law, Matt Damon ร้องกันก็เพราะดีนะ
 
“I always thought it would be better to be a fake somebody than a real nobody”

     คนเหล่านี้คือสมาชิกผู้ทรงเกียรติของสังคม สังคมที่ให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าจิตใจ สังคมที่สนใจแค่ว่านาฬิกาที่ใส่ราคากี่แสนแต่ไม่รู้จักคำว่าตรงต่อเวลา สังคมที่สนใจแค่ว่ารถที่ขับราคากี่ล้านแต่ไม่รู้จักคำว่ากฎจราจร

     หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังแบบดูเอามัน มันอาจดูลึกลับ แต่อยากจะให้ดูถึงนิสัยคนๆ หนึ่ง ติดตามเขา เข้าใจเขา เข้าไปลึกๆ ถึงตัวเขาว่าทำไมเขาถึงทำแล้วเราจะเข้าถึง Mr.Ripley



 

กรุณาเข้า สู่ระบบ ก่อนทำการเขียนข้อความ
Copyright © 2024 www.francisloft.com All right reserved.