JustMakeWeb.com รับทำเว็บไซต์ รับทำเว็บโรงแรม รับทำเว็บขายของ รับทำเว็บบริษัท เว็บสำเร็จรูป รับทำเว็บร้านค้า ออกแบบเว็บไซต์ ใช้งานได้ง่าย รองรับ SEO โปรโมท GOOGLE ให้ติดอันดับได้อย่างรวดเร็ว , ลงโฆษณาฟรี VPS ราคาถูก
รับทำเว็บไซต์
0

สรรสาระ 13/12 : 10 คำถามกับสัตวแพทย์ Raf Herbots ภาคที่ 1

2012-09-26 14:35:10 ใน สรรสาระ » 0 4718

"10 คำถามกับสัตวแพทย์ RafHerbots ภาคที่ 1"
 


"นักเลี้ยงนกที่ดีนะเขาจะมองเห็นในวันนี้แล้วว่าพรุ่งนี้นกเขาจะป่วย และ นักเลี้ยงนกที่แย่หน่อยก็จะมองเห็นนกป่วยก็ตอนที่มันป่วย และ ถ้าเป็นแบบนี้ก็สายไปแล้ว"




ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เป็นคนถามนะครับ ก็เป็นคำถามและบทความล่าสุดสดๆร้อนๆของยอดชายนาย Ad Schaerlaeckens ซึ่งนายแอดก็ได้เกริ่นไว้ว่ามีคำถามจำนวนมากจากนักเลี้ยงนกต่างประเทศที่ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของนกพิราบแข่ง และ เกี่ยวกับเรื่องปัญหาการใช้ยาซึ่งเขาเองก็ไม่แปลกใจนักและเหตุผลก็ชัดเจนที่ประเทศเหล่านั้นไม่มีหมอที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับนกพิราบหรือมีก็น้อยมาก ในเบลเยี่ยมมีหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องนกพิราบประมาณ 10 คน และ ที่ฮอลแลนด์มีประมาณ 5 คน หลายคนคงสงสัยและอยากถามว่าหมอเหล่านี้ดีเก่งหรือไม่กันแน่ โลกของนกพิราบแข่งนั้นเล็กมาก เมื่อนักเลี้ยงนกพูดถึงใครยิ่งเป็นหมอด้วยแล้วเก่งหรือไม่ ผลงาน และ จำนวนลูกค้ามันฟ้องตัวมันเอง ไม่เก่งก็ต้องเลิกลากันไป

RAF HERBOTS


หนึ่งในหมอที่ดี มีชื่อเสียงของวงการนกก็คือ RafHerbotsลูกชายFilipและก็เป็นน้องของ Jo Herbotsตระกูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกของวงการนกพิราบแข่ง เขาเป็นคนที่พูดน้อย แต่ เมื่อเขาเปิดปากพูดเมื่อไรเราต้องฟังเขาให้ดีเพราะเขารู้ดีว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร และ แน่นอนนกของกรง Herbotsทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเขา และ อีกหลายๆกรงอย่างเช่น Michael Vanlintก็เช่นกัน ถ้าพวกเขาเหล่านี้ไม่มั่นใจในตัวเขาแล้วละก็ จะใช้บริการและเชื่อในคำแนะนำที่ Raf ให้ทำไม และ แน่นอนถ้าเขาไม่ดี นายแอดก็คงไม่เสียเวลาอันมีค่าของเขาไปคุยกับหมอRafแน่
วันนี้เราได้มีโอกาสคุยกับหมอราฟและถามบางคำถามซึ่งแน่นอนเป็นคำถามที่ไม่ธรรมดาที่คุณคาดหวังหรือเดาได้แน่แต่เป็นคำถามที่เป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนในวงการนกวันนี้


คำถามที่1.
"ทุกวันนี้มีการพูดถึงแนวโน้มที่จะมองข้ามเรื่องการให้ความสำคัญในเรื่องของยานกทั้งหมดและให้เชื่อเรื่องคุณภาพของตัวนกและสุขภาพที่ดีโดยธรรมชาติของตัวนกเองเป็นหลักเท่านั้น อย่างที่เขาเรียกกันว่า กลับไปสู่ธรรมชาติ ซึ่งถ้าจะเปรียบอย่างคนเราไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บป่วย ก็ไม่กินยาเช่นกัน ใช่ไหมครับ ดังนั้นถ้านกสุขภาพดีเราจะไปให้ยามันทำไม???พวกเขาพูดแบบนี้ถูกไหมครับ และ มีโอกาสที่จะกลับไปสู่พื้นฐานเดิมๆคือเลี้ยงแบบธรรมชาติอีกไหม? ดังนั้นคำถามแรกที่ขอถามคือ ?มีการรักษาหรือให้ยาอะไรที่จำเป็นต้องให้นกเราไหมครับ ถ้าเราอยากที่จะประสบความสำเร็จในการแข่งนกทุกวันนี้??"

Raf:
โชคไม่ดีที่เราไม่สามารถกลับไปสู่วิธีธรรมชาติแบบเดิมๆได้ อาจจะมีแชมป์บางคนบอกว่าไม่ใช้ยาใดๆแต่หาคนแบบนี้ได้น้อยมากๆ มันยากเหมือนกับที่เราหาอีกาสีขาวยังไงยังงั้นละครับ และ ถ้าจะมีคนพวกนี้ก็น่าจะเป็นพวกที่แข่งนกระยะสั้นเป็นหลัก และ นกเหล่านี้ก็อยู่ในตระกร้าหรือรถแข่งแค่ช่วงสั้นๆข้ามคืนเท่านั้น ผมว่าลืมไปได้เลยถ้าเลี้ยงนกแบบเดิมๆไม่ใช้ยาและจะเป็นแชมป์ในเวลาเดียวกัน

ในอดีตทุกคนต่างก็คิดกันว่า โรคแคงเกอร์นั้นเป็นศัตรูอันดับหนึ่งสำหรับนกเรา แต่ ผมคิดว่าพวกเขาคิดผิด โรคsalmonella (paratyphoid)เป็นโรคอันดับหนึ่งของนกพิราบ และ ผมขอเน้นให้ควบคุมโรคนี้ให้ดี ยาที่ดีที่ใช้รักษาก็เป็นพวก amoxicillin และBaytril แต่กับ Baytril คุณต้องใช้ระวังหน่อย มันทำให้เกิดการดื้อยาได้ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง ส่วนตัวผมเองผมแนะให้ทำวัคซีน เราจะเห็นได้ว่าสัตว์ประเภทอื่นๆนั้นเราให้ยาปฎิชีวนะน้อยแต่ทำวัคซีนกันมากกว่า นกที่ฉีดยาป้องกันพวก paratyphoid จะมีภูมิต้านทานโรคอื่นๆได้ดีกว่าด้วย มันดูเหมือนกับแข็งแรงขึ้นนะ ถ้าคุณแข่งนกประเภท Yong bird ในระยะไกลด้วยแล้ว ผมแนะนำให้ทำวัคซีน ในความคิดผม ผมคิดว่าวัคซีนแบบเชื้อเป็นจะดีกว่า.

คำถามที่ 2.
และถ้าเราเพิ่งทำวัคซีน ไอ้เรื่องการปล่อยบิน ออกกำลังกาย ซ้อมนกนั้น จะมีผลอย่างไร และเราควรทำยังไงดี ?


Raf:
นั้นเป็นคำถามที่ดี ไม่ว่าคุณจะให้วัคซีนอะไรก็ตามเพื่อป้องกัน paratyphoidมันจะมีผลข้างเคียง นกต้องการพักผ่อนและถ้าจะให้ดีอย่างน้อยมีถึง 10 วันหลังทำวัคซีน

คำถามที่3.
นักเลี้ยงนกบางคน และ บางคนก็มีชื่อเสียง พวกเขาใช้วิธีการให้ยาที่เรียกว่า ?four step method- 4 ขั้นตอน? อย่างเช่นอาทิตย์แรกให้ยาพวกป้องกันแคงเกอร์ อีกอาทิตย์ให้พวกระบบทางเดินหายใจ ฯลฯ และเมื่อใช้ครบก็วนกลับมาใช้อีก ให้แบบนี้มากไปไหมครับ?



Raf:
นกให้ยามากแบบนี้ได้และวิธีนี้มันอาจจะไม่เลวนะสำหรับนักเลี้ยงนกที่ ?มองไม่เห็นบางสิ่งบางอย่าง? พวกนี้ก็เป็นพวกที่ไม่ใช่นักเลี้ยงนกจริงๆ นักเลี้ยงนกที่ดีนะเขาจะมองเห็นในวันนี้แล้วว่าพรุ่งนี้นกเขาจะป่วย และ นักเลี้ยงนกที่แย่หน่อยก็จะมองเห็นนกป่วยก็ตอนที่มันป่วย และ ถ้าเป็นแบบนี้ก็สายไปแล้ว ดังนั้นวิธีการให้ยาแบบที่ว่านี้ก็ไม่เลวนะกับนักเลี้ยงกลุ่มนี้

คำถามที่4.
Baytril เป็นยาที่มีข้อโต้เถียงกันกันมาก ในปี 2011 ผมมีปัญหานกติดโรคparatyphoid.ผมให้ยา 10 วัน ได้ผลดี และ ไม่เคยเสียใจเลยครับ

Raf:
Baytrilเป็นยาที่ดีแม้ว่านักเลี้ยงนกบางคนมีประสบการณ์ที่ไม่ดีก็ตาม เราสั่งนก และ นำนกเข้ากรงมาก และ เราก็ให้Baytril 10 วัน เพราะเราเองก็ไม่เสี่ยงกับการติดโรค การให้Baytrilติดต่อกัน 10 วันนั้นไม่เลวเลยนะ แต่ถ้าให้ไม่ถูกต้องซิเป็นปัญหาอย่างเช่น 10ครั้งใน 2 วัน อย่างนั้นนกเสร็จแน่


คำถามที่ 5.
นอกจากพวกหินกริตแล้ว พวกอาหารเสริมอะไรที่จำเป็นต่อนกครับ? (ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายให้เพื่อนๆเข้าใจกันก่อน อาหารเสริมอย่าเข้าใจผิดว่าหมายถึงพวกลินซีด ข้าวไร ฮวยมั้วแบบที่เราเรียกกันนะครับ มันเป็นพวกอะไรที่เพิ่มเติมจากอาหารปรกติที่นกกินกันเช่น พวกหินกริต อิฐแดง ผงชมพู หินเหลืองสาหร่าย เปลือกหอย วิตามิน อีเลคโตรไลท์ บางคนก็ให้มากไปกว่านั้นก็มี เช่น แคลเซี่ยม โปรตีนเสิรม ฯลฯ)

Raf
นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณแข่งนกระยะไหนเป็นหลัก แข่งสั้นหรือไกลมันต่างกัน สำหรับนกสั้นอาจจะไม่จำเป็นมากนัก แต่ถ้าคุณแข่งนกระยะไกลพวกที่ทำให้นกฟื้นคืนสภาพได้เร็วกว่าปรกตินั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นโดยเฉพาะพวก Elecrolytes สามารถให้ได้ทั้งก่อนและหลังแข่ง โดยเฉพาะเวลาที่อากาศร้อนเพราะนกจะสูญเสียความชื้น ของเหลวในร่างกายไปมาก

ก็ขอจบตอนที่ 1ของเรื่องนี้ไปครึ่งหนึ่งก่อน อีกครึ่งหนึ่งก็ติดตามกันได้ในฉบับต่อไปครับ ก็เป็นอะไรที่เสริมเติมความรู้ มุมคิดให้กับเราได้โดยเฉพาะจากคนที่รู้จริง เรียนมา และ ที่บ้านเองก็เลี้ยงนกแข่งเป็นอาชีพมากว่า 50 ปี ดังนั้นสิ่งที่หมอราฟให้คำตอบมานั้นของแท้ครับ

 

กรุณาเข้า สู่ระบบ ก่อนทำการเขียนข้อความ
Copyright © 2024 www.francisloft.com All right reserved.